ซนซอกกู (Son Suk Ku) ประกาศแผนพักงานระยะยาวท่ามกลางกระแสความนิยมที่เพิ่มขึ้น

June 17, 2025

ซนซอกกู (Son Suk Ku) นักแสดงที่กำลังมาแรงจากผลงานหลากหลายทั้งภาพยนตร์และซีรีส์ เช่น D.P. (2021), My Liberation Notes (2022), The Roundup (2022), D.P. 2 (2023), Troll Factory, Big Bet, A Killer Paradox (2024), Heavenly Ever After (2025) และ Nine Puzzles ได้ประกาศว่าเขาจะหยุดพักงานเพื่อชาร์จพลัง

ในการให้สัมภาษณ์กับ Sports Seoul ซนซอกกู เผยว่า

“ตอนนี้ผมยังมีโปรเจกต์ที่ต้องทำต่ออยู่บ้าง แต่พอเสร็จแล้ว ผมตั้งใจจะพักยาวให้เต็มที่”

เขาเสริมว่า

“เมื่อก่อนผมตั้งเป้าชัดเจนว่าจะรับบทให้ได้มากที่สุด มันน่าตื่นเต้นที่ได้เรียนรู้ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าถึงเวลาต้องใคร่ครวญเส้นทางการแสดงของตัวเองให้มากขึ้น”

เขากล่าวต่อว่า

“ผมคิดว่าผมคงรักษาความเร็วในการทำงานแบบที่ผ่านมาไม่ได้อีกต่อไป การทำงานหลายโปรเจกต์พร้อมกันต้องใช้พลังและเวลาอย่างมาก ผมว่าตอนนี้เป็นช่วงที่เหมาะจะลองสำรวจแนวทางการแสดงแบบใหม่ ๆ และเปิดรับการเปลี่ยนแปลง”

ตัวอย่างเช่น ใน A Killer Paradox และ Nine Puzzles เขารับบทเป็นตำรวจทั้งสองเรื่อง แต่แสดงออกด้วยวิธีที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยในเรื่องแรกเขารับบทเป็นตำรวจที่ดุดัน ไล่ล่าฆาตกรต่อเนื่อง ส่วนในเรื่องหลัง เขาเป็นตำรวจที่สุขุม รอบคอบ และคอยสนับสนุนนักวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากร

“ความแตกต่างเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมสร้างขึ้นเอง แต่เป็นสิ่งที่ผมค้นพบ” ซนซอกกู อธิบาย

“ฮันแซม (ตัวละครใน Nine Puzzles) เป็นตัวละครที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความจริงและจินตนาการ ผมพยายามหาสมดุลให้พอดี ไม่ให้เล่นมากหรือน้อยเกินไป ผมเตรียมตัวอย่างละเอียดเป็นเวลานาน”

“เวลามีคนรอบตัวถามผมว่า ‘ช่วงนี้ทำอะไรอยู่’ ผมก็ตอบแค่ว่า ‘ก็แค่ Nine Puzzles’ นั่นแหละ”

เขากล่าว

“ในหนังสืบสวนที่สร้างมาอย่างดี นักแสดงไม่ควรเด่นเกินเรื่อง การแสดงควรสนับสนุนเนื้อเรื่อง ผู้กำกับยุนจงบินมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่างานของเขาจะเชื่อมโยงกับผู้ชมอย่างไร สิ่งที่ผมต้องทำมีแค่เชื่อใจเขาและเดินตาม”

ซนซอกกู ยังเผยว่าเขาไม่เคยยึดติดกับการเป็น “พระเอกหลัก” เพราะเชื่อในพลังของการแสดงแบบทีม

“ถ้ามองดูภาพยนตร์และซีรีส์ยุคต้นปี 2000 หลายเรื่องมักจะเน้นที่ตัวละครชายคนเดียวเป็นหลัก” เขากล่าว

“แต่ผมไม่เคยเป็นนักแสดงเบอร์หนึ่งในแบบที่วงการคาดหวัง Troll Factory อาจเป็นเรื่องเดียวที่ใกล้เคียงกับการเป็นตัวหลักสุด ๆ แต่สิ่งที่ดึงดูดผมคือการได้ทำงานร่วมกับนักแสดงหลายคน เช่น คิมซองชอล (Kim Sung Cheol), ฮงคยอง (Hong Kyun) และคิมดงฮวี (Kim Dong Hwi) ผมรู้สึกว่าผมแสดงได้ดีที่สุดเมื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องแบบร่วมมือกัน”

เขายังกล่าวถึงความเคารพในตัวนักแสดงรุ่นใหญ่ คิมฮเยจา (Kim Hye Ja) ผู้ร่วมแสดงใน Heavenly Ever After ว่า

“ผมไปเยี่ยมเธอทุกครั้งก่อนเริ่มโปรเจกต์ใหม่ เธอเตือนให้ผมเข้าถึงการแสดงด้วยความจริงใจเหมือนที่เธอทำ สำหรับเธอแล้ว การแสดงกับชีวิตไม่มีเส้นแบ่ง เธอเป็นเหมือนครูที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม เป็นคนที่ผมจะจดจำและนำแนวคิดของเธอไปใช้ตลอดอาชีพนี้”

สุดท้าย ซนซอกกูได้กล่าวขอบคุณแฟน ๆ ที่ยังคงสนับสนุนเขา

“ไม่ว่าเขาจะชอบผลงานของผมหรือไม่ ผมถือว่าทุกคนที่เสียเวลาเข้ามาดูงานของผมคือแฟนอันดับหนึ่งของผม” เขากล่าว “ตอนนี้ผมก็กำลังเขียนบทภาพยนตร์อยู่ ผมมีความฝัน มีความท้าทายที่ยังไม่เคยลอง”

เขาบอกว่าตอนนี้ได้วางแผนไว้แล้วว่าจะใช้ช่วงเวลาหยุดพักทำอะไรบ้าง

ที่มา popcornfor2

รูป Stannum

เรื่องราวซาบซึ้งของ อีพิลโม ค่าตัวการแสดง 20 ปีให้แม่หมด เห็นอีกทีกลายเป็นตึกแล้ว

นักแสดง อีพิลโม ได้เผยความคิดถึงที่มีต่อคุณแม่ผู้ล่วงลับ ในรายการวาไรตี้ของช่อง Channel A “절친 토큐멘터리 – 4인용 식탁” ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ได้เผยให้เห็นชีวิตประจำวันของอีพิลโม นักแสดงที่เดบิวต์มากว่า 27 ปี เขาได้เชิญเพื่อนสนิทที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นมหาวิทยาลัยโซลอาร์ตปี 1993 อย่าง อีจงฮยอก และ คิมมินคโย มาที่บ้าน เมื่อถูกถามว่า “คุณแม่เก่งด้านการลงทุนไหม” อีพิลโมตอบว่า “ใช่ครับ ผมเป็นคนที่จัดการเรื่องเงินไม่เก่งที่สุดเลย สมัยก่อนเรามีบ้านอยู่แถวบังแบดง แต่แม่ก็ขยับขยายไปซื้อเพิ่ม จนตอนนี้ที่ผมพอมีฐานะทางการเงินก็เป็นเพราะแม่ทั้งหมด” พร้อมทั้งแสดงความกตัญญู เขายังเล่าว่า “คุณพ่อมีลูกสามคนแต่ไม่เคยทำงานหาเงินเลย ใช้ชีวิตแบบเกือบจะไม่ทำอะไร แม่ผมเป็นคนเดียวที่รับผิดชอบเรื่องการเงินของบ้านมาตลอด” อีพิลโมเผยอีกว่า “แม่ใช้ชีวิตแบบประหยัดมาตลอด เวลาผมได้ค่าตัวจากการแสดง ถ้าเป็นไม่กี่ล้านวอนผมก็ใช้เอง แต่ถ้าเกินสิบล้านวอนผมจะให้แม่ทั้งหมด แบบนี้ตลอด 20 ปี” เขาเล่าว่า “แม่เอาเงินเหล่านั้นไปลงทุน เป็นสิ่งที่ท่านไม่เคยทำมาก่อนด้วยซ้ำ บางครั้งระหว่างที่ผมถ่ายละคร แม่จะโทรมาแล้วบอกว่า ‘รีบมาเซ็นเอกสารหน่อย’ ผมไปดูอีกทีก็กลายเป็นตึกไปแล้ว” อีพิลโมยังกล่าวด้วยความเคารพว่า “ทุกครั้งที่ผมต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิต ถ้าปรึกษาแม่ ท่านจะชี้ทางออกให้เสมอ ด้วยสายตาที่เฉียบคมของแม่ ทำให้ผมสามารถเดินบนเส้นทางนักแสดงมาได้จนถึงวันนี้” อย่างไรก็ตาม คุณแม่ของเขาเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมองในเดือนมีนาคม 2023 เขากล่าวทั้งน้ำตาว่า “ตอนแม่จากไป ผมอยากทำทุกอย่างที่ดีที่สุดให้ท่านในเส้นทางสุดท้ายของชีวิต จึงจัดงานศพโดยใช้พื้นที่ทั้งชั้น พร้อมทั้งเตรียมอาหารและพิธีต่าง ๆ โดยไม่คิดถึงค่าใช้จ่าย” เขายังรำลึกถึงความทรงจำสุดท้ายกับแม่ว่า “ครั้งหนึ่งแม่ไปเที่ยวเชจูและได้นั่งเครื่องบินเป็นครั้งแรก ท่านดีใจเหมือนเด็กผู้หญิงที่ตื่นเต้นกับการบิน ภาพนั้นยังชัดเจนในใจผมมาก ผมชอบความทรงจำนั้นมากจนปีที่แล้วผมเดินคนเดียวครบ 100 กม. บนเส้นทางเซกวีโพ 11 คอร์ส ระหว่างเดินก็คิดถึงแม่จนร้องไห้ออกมา” อีพิลโมเผยว่าเขายังเก็บเสื้อผ้าที่แม่ใส่ในวันที่เข้าโรงพยาบาลไว้จนถึงตอนนี้ เขายังเปิดใจด้วยความเจ็บปวดว่า “ผมยังไม่กล้าบอกพ่อว่าคุณแม่เสียแล้ว หลังแม่เข้าโรงพยาบาลได้สี่วัน พ่อก็ต้องเข้ารักษาเหมือนกัน และแม่ก็จากไปในอีกสามเดือนต่อมา ตอนนี้พ่อหูไม่ค่อยดี ความจำก็ถดถอย ผมเลยไม่รู้จะบอกยังไงจนถึงตอนนี้” เขาเสริมว่า “ผมคิดว่าพ่อก็คงรู้สึกได้บ้าง แต่ท่านไม่เคยถามเรื่องแม่เลย แม้เวลาผ่านมา 2 ปีแล้วก็ยังไม่เคยพูดถึง บางครั้งผมเลยคิดว่า ‘หรือพ่อจะลืมแม่ไปแล้ว’” เมื่อได้ฟังเรื่องนี้ พัคคยองลิม ที่อยู่ในรายการด้วยกล่าวปลอบใจว่า “บางทีคุณพ่ออาจจะไม่ได้อยากไม่ถาม แต่เพราะถ้าถามแล้วได้รับคำตอบ ก็เท่ากับความจริงเรื่องการจากไปของแม่ชัดเจนขึ้น พอไม่ถามไม่ฟัง มันก็ยังเหลือความหวังอยู่นะ” ที่มา Popcornfor2 รูป Channel A

September 17, 2025

ฮันกาอิน เผยเหตุผลที่เธอแทบไม่มีเพื่อนในวงการบันเทิง

ฮันกาอินเปิดใจถึงสาเหตุที่เธอมีเพื่อนในวงการบันเทิงไม่มาก พร้อมเล่าถึงมิตรภาพพิเศษที่เธอมีกับ ชินฮยอนบิน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ร่วมงานกันในละคร Mistress เมื่อปี 2018 และยังคงแน่นแฟ้นมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ช่องยูทูบส่วนตัวของเธอ “Free Wife Han Ga In” (ฮันกาอินภรรยาที่แสนอิสระ) ได้เผยแพร่วิดีโอในหัวข้อ “ฮันกาอิน ที่แทบไม่มีเพื่อนดารา ได้พบกับเพื่อนแท้ นักแสดงชินฮยอนบิน (อัปเดตจากจางกยออูล แห่ง Hospital Playlist)” ในวิดีโอนั้น ฮันกาอินได้นั่งพูดคุยและรับประทานอาหารกับเพื่อนสนิทอย่างชินฮยอนบิน ทั้งคู่เริ่มสนิทกันจากการทำงานร่วมกันในละคร Mistress ทางช่อง OCN เมื่อปี 2018 และยังรักษาความสัมพันธ์อันดีต่อเนื่องมากว่า 8 ปี เครดิตภาพ ช่อง YouTube ฮันกาอิน ระหว่างมื้ออาหาร ฮันกาอินยอมรับว่า “ฉันแทบไม่มีเพื่อนในวงการบันเทิงเลย ส่วนใหญ่คนที่ฉันสนิทจะเป็นคุณแม่จากโรงเรียนลูก ๆ หรือเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ ฮยอนบินเป็นเพื่อนดาราไม่กี่คนที่ฉันมีจริง ๆ” เธอยังอธิบายเพิ่มเติมว่า “เวลารู้จักเพื่อนผ่านการทำงาน มันไม่ง่ายที่จะเปิดใจอย่างเต็มที่ เพราะด้วยลักษณะงานของเรา ทำให้เราต้องสร้างกำแพงขึ้นมา และทำให้ยากที่จะเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกไป” ย้อนถึงช่วงถ่ายทำ Mistress ฮันกาอินเล่าว่า “ตอนนั้นพวกเราสี่คนคุยกันเยอะมาก รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปเป็นเด็กมัธยมที่สนิทกันสุด ๆ” ชินฮยอนบินก็เห็นด้วย โดยบอกว่าบรรยากาศเหมือนกับอยู่หอพักด้วยกันเลย นอกจากนี้ ฮันกาอินยังเผยว่าเธอมักจะติดตามและสนับสนุนผลงานใหม่ ๆ ของชินฮยอนบินเสมอ แสดงให้เห็นถึงความอบอุ่นและความจริงใจในมิตรภาพที่ยืนยาวของทั้งคู่ ที่มา Popcornfor2 รูป ‘Free Wife Han Ga In’ YouTube Channel

September 15, 2025

ซงจุงกิ เล่าความลับสมัยเรียนมหาลัย เผยด้านแสบซ่าที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน

ในวันที่ 10 กันยายน รายการเว็บวาไรตี้ของ JTBC “นาเรชิก” ได้เผยแพร่ตอนใหม่ โดยมีสองนักแสดงนำจากซีรีส์วันศุกร์ JTBC “My Youth” อย่าง ซงจุงกิ และ ชอนอูฮี มาร่วมสร้างสีสันด้วยการพูดคุยแบบเป็นกันเองและอารมณ์ขัน ในรายการ พิธีกร พัคนาเร ได้จัดโต๊ะอาหารอย่างเต็มที่เพื่อเลี้ยงแขกรับเชิญทั้งสองคน เมนูที่คัดสรรอย่างใส่ใจทำให้ชอนอูฮีถึงกับเอ่ยว่า “ดีใจมากที่ได้มาทานอาหารที่เคยเห็นแค่ในคลิปวิดีโอ” ซงจุงกิเองก็สารภาพว่า “ผมไม่ได้กินอาหารเกาหลีมาหลายเดือน เพราะติดตารางงานต่างประเทศ จริง ๆ กลับมาเกาหลีได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว แต่ตั้งใจอดอาหารเกาหลีไว้เพื่อมากินที่นี่” ทำเอาพัคนาเรถึงกับประหลาดใจ ก่อนจะโล่งใจเมื่อเห็นแขกรับเชิญกินอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมเปล่งเสียงด้วยความพอใจ ซงจุงกิถึงกับยกมือไฮไฟว์เพิ่มความสนุกในบรรยากาศ นอกจากนี้ ชอนอูฮียังเผยประสบการณ์ “อยากลองออกนอกลู่นอกทาง” โดยเล่าว่าเคยไปคลับกับเพื่อนนักแสดงหลังดูรายการเต้น แต่พอไปจริงกลับอายจนไม่กล้าเต้น สุดท้ายก็นั่งดื่มจนง่วงและกลับบ้านก่อนเที่ยงคืน ทำให้บรรยากาศในสตูดิโอเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ สิ่งที่สะดุดตาอีกอย่างคือภาพลักษณ์หน้าเด็กของทั้งสองนักแสดง เมื่อเจอครั้งแรก พัคนาเรถึงกับเอ่ยว่า “ทั้งคู่หน้าเหมือนกันมากเลย ดูเหมือนวัย 20 ต้น ๆ” ชอนอูฮีรีบโบกมือปฏิเสธด้วยความเขินว่า “พูดแบบนี้ไม่ได้นะคะ” ซงจุงกิ เผยความรู้สึกดีใจสุดๆ หลังถูกชมว่าดูอ่อนเยาว์เหมือนอยู่ในวัย 20 ต้น ๆ เขากลับตอบติดตลกว่า “เมื่อก่อนผมเขินมากเวลาได้ยินแบบนี้ แต่ตอนนี้ชอบสุด ๆ เลยครับ อยากให้ชมเยอะ ๆ กว่านี้อีก” เรียกเสียงหัวเราะสนั่นกองถ่าย ด้านนักแสดงซงจุงกิได้แชร์เรื่องราวไม่คาดคิดจากชีวิตวัยมหาวิทยาลัยของเขา โดยซงจุงกิได้ย้อนเล่าถึงชีวิตวัยเรียนว่า “ตอนนั้นผมเป็นนักเรียนตัวอย่างจริง ๆ … พูดตรง ๆ ก็คือเป็นเด็กน่าเบื่อมาก” เมื่อพัคนาเรแซวว่า “สมัยนั้นมีแต่เด็กผู้หญิงจากโรงเรียนข้าง ๆ มาตามดูคุณแน่ ๆ” เขาก็หัวเราะพร้อมตอบว่า “เพื่อน ๆ มาบอกผมทีหลัง แต่ตอนนั้นผมไม่รู้ตัวเลย จริง ๆ แล้วผมเป็นนักเรียนที่โฟกัสกับการเรียนอย่างเดียว น่าเบื่อสุด ๆ” แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย ชีวิตก็เปลี่ยนไป “อาจเพราะช่วงมัธยมผมใช้ชีวิตเรียบง่ายเกินไป พอเข้ามหาวิทยาลัยก็เลยออกนอกลู่นอกทาง ผมเริ่มไม่สนเรียน ไม่สนเข้าคลาส รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่มีแรง จนสุดท้ายโดนใบเตือนทางวิชาการเลยครับ” เขาสารภาพตรง ๆ ก่อนเสริมว่า “แต่นั่นแหละเป็นครั้งแรกที่ผมคิดว่า ‘อยากใช้ชีวิตทำในสิ่งที่อยากทำจริง ๆ’ และนั่นก็นำผมมาสู่เส้นทางนักแสดง” ปัจจุบันในอีกบทบาทหนึ่งของชีวิต ซงจุงกิได้สะท้อนถึงการเป็นทั้งสามีและคุณพ่อว่า “หลายคนบอกว่าช่วงวัยหนุ่มของผมผ่านไปแล้ว แต่ผมคิดว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตเลย การมีครอบครัวทำให้ผมมีทั้งความรับผิดชอบและพลังใจเพิ่มขึ้น การได้ดูแลใครสักคนทำให้ผมมีแรงจูงใจที่จะใช้ชีวิตต่อไป” ซงจุงกิยังได้เผยถึงกิจวัตรการเดินเล่นยามเช้าแถวอิแทวอนอีกด้วย ระหว่างรายการ พัคนาเรได้ถามว่า “คุณซงจุงกิอายุเท่าฉันใช่ไหมคะ?” ซงจุงกิตอบว่า “ผมก็ทราบอย่างนั้นครับ แล้วเรายังเป็นคนในละแวกเดียวกันอีกนะ ผมเวลาเดินเล่นบางทีก็ผ่านหน้าบ้านคุณนาเรด้วย แต่ไม่เคยเจอเลย ที่นั่นยังมีพี่มยองซูอยู่ด้วย” จากนั้นพัคนาเร ถามต่อว่า “ปกติเดินเล่นช่วงกี่โมงคะ?” ซงจุงกิตอบว่า “เช้าประมาณ 7–9 โมงครับ” พัคนาเรเลยหัวเราะพร้อมบอกว่า “งั้นไม่มีทางได้เจอแน่เลย เพราะเวลาออกจากบ้านฉันคือเที่ยงถึงตี 3” ชอนอูฮีจึงถามย้ำว่า “หมายถึงเที่ยงวันใช่ไหมคะ?” พัคนาเรรีบตอบ “ไม่ค่ะ เที่ยงคืน” ทำเอาบรรยากาศในรายการครึกครื้น ซงจุงกิยังพูดเสริมอีกว่า “ในเมื่อเราเป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว ช่วยเชิญผมไปบ้านสักครั้งได้ไหมครับ” ด้านชอนอูฮีก็รีบบอกว่า “ฉันก็อยากไปมากค่ะ แต่ถ้าไป นาเรบาร์ ต้องทำใจเลยนะว่าจะกลายเป็น 2 คืน 3 วัน กินเหล้า นอน ตื่นขึ้นมาก็ดื่มต่ออีก” พัคนาเร จึงตอบขำ ๆ ว่า “ไม่ถึงกับต้องทำใจหรอกค่ะ แต่ที่ผ่านมาแขกหลายคนก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ” สร้างเสียงหัวเราะในรายการ รายการ “นาเรชิก” ที่เผยเสน่ห์รอบด้านของซงจุงกิและชอนอูฮี ออกอากาศวันที่ 10 กันยายน เวลา 18.30 น. ทางยูทูบช่อง “นาเรชิก” ที่มา Popcornfor2 รูป JTBC

September 12, 2025

ยุนอา บอกตอนจบให้เตรียมใจเธออาจร้องไห้อีกครั้ง กับซีรีส์ Bon Appétit, Your Majesty

นักแสดงสาว อิมยุนอา (Im Yoon-ah) แห่งวง Girls’ Generation ปรากฏตัวเป็นแขกรับเชิญในรายการวาไรตี้ “You Quiz on the Block” ทางช่อง tvN ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา โดยเธอได้เปิดใจถึงเบื้องหลังการทำงานในละครที่กำลังมาแรงอย่าง Bon Appétit, Your Majesty พร้อมทั้งเล่าถึงชีวิตการแสดงตลอด 18 ปี และพูดถึงความเป็นไปได้ในการกลับมารวมตัวของเกิร์ลเจเนอเรชันอีกด้วย ทุ่มสุดตัวเพื่อบท “เชฟ” และตื่นเช้ามาอย่างแรกที่ทำคือ? ละคร Bon Appétit, Your Majesty กำลังสร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลก ด้วยการครองอันดับ 1 ใน 42 ประเทศ และทำเรตติ้งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในเกาหลี ยุนอารับบท ยุนจี-ยอง เชฟสาวผู้เชี่ยวชาญอาหารฝรั่งเศสที่บังเอิญเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวภายในพระราชวังโบราณ เธอเล่าว่า “ฉันอยากทำฉากทำอาหารด้วยตัวเองให้ได้ถึง 95% เลยตั้งใจฝึกทำอาหารจริงจังตลอด 3 เดือน” เพื่อถ่ายทอดบทบาทออกมาอย่างสมจริง ยุนอายังเผยอีกว่าทุกเช้าเธอจะตื่นมาดูเรตติ้งละครก่อนเป็นอย่างแรก แสดงให้เห็นถึงความผูกพันและความทุ่มเทต่อผลงานนี้ ฉากโคชูจังในตำนาน & เคมีสุดปังกับอีแชมิน ในรายการ ยุนอาเล่าเบื้องหลังฉาก “บีบโคชูจัง” ที่กลายเป็นฉากเด่นซึ่งแฟน ๆ จดจำได้ โดยยืนยันว่าไอเดียดังกล่าวเกิดจากความคิดของเธอเอง นอกจากนี้ เธอยังพูดถึงเคมีการแสดงที่เข้ากันได้ดีกับนักแสดงหนุ่มรุ่นใหม่ อีแชมิน (Lee Chae-min) ที่กำลังมาแรงเช่นกัน ชีวิตนักแสดง 18 ปี & คำสบประมาท “ไอดอลนักแสดง” ยุนอาเปิดใจว่า ตลอดเส้นทาง 18 ปีที่ผ่านมา เธอเผชิญกับคำวิจารณ์เรื่องการเป็น “ไอดอลที่หันมาเป็นนักแสดง” อยู่เสมอ แต่เธอก็เลือกพิสูจน์ตัวเองด้วยการแสดงจริง ๆ “ฉันคิดว่าแค่ทำผลงานการแสดงให้ออกมาดีก็เพียงพอแล้วค่ะ” เธอกล่าวอย่างหนักแน่น โอกาสกลับมารวมตัวกันของวง Girls’ Generation ในช่วงที่ Girls’ Generation กำลังจะครบรอบ 20 ปี ยุนอายอมรับว่า สมาชิกแต่ละคนต่างก็พูดคุยกันถึงความเป็นไปได้ในการกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เธอสะท้อนถึงมิตรภาพอันยาวนานว่า “เราทุกคนเติบโตมาด้วยกัน ผ่านวัยเด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่ มันเป็นความผูกพันที่พิเศษมาก” เผยตอนจบที่อาจทำให้น้ำตาไหล เมื่อถูกถามถึงบทสรุปของ Bon Appétit, Your Majesty ที่ใกล้จะถึงตอนอวสาน ยุนอายอมรับว่า “ฉันอาจจะร้องไห้อีกครั้งก็ได้” ทำให้แฟน ๆ ตื่นเต้นและอยากติดตามตอนจบของละครเรื่องนี้มากขึ้นไปอีก ที่มา Popcornfor2 รูป tvN

September 11, 2025

อียองแอ บอกกังวล ลูกสาวกำลังไปออดิชั่นไอดอล

นักแสดง อียองแอ เปิดเผยเรื่องความสนใจของลูกฝาแฝด เมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา ทางช่อง YouTube @zzanbro(ชินดงยอบ) ได้เผยแพร่วิดีโอที่มีนักแสดงจากซีรีส์ใหม่วันเสาร์-อาทิตย์ของ KBS 2TV เรื่อง Eunsu’s Good Day ได้แก่ อียองแอ, คิมยองกวัง และ พัคยงอู มาเป็นแขกรับเชิญ วันนั้น ชินดงยอบถามอียองแอว่า “ตอนพูดกับลูกหรือตอนดุลูก ก็ใช้เสียงแบบเดียวกับตอนปกติหรือเปล่า” อียองแอตอบว่า “คำถามนี้ถูกถามบ่อยมากค่ะ เวลามีลูกอยู่ด้วย ฉันก็ขึ้นเสียงเหมือนกัน ทุกคนก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอคะ” เมื่อถามต่อว่า “แล้วตอนดุลูกใช้โทนเสียงแบบไหน” เธอกล่าวว่า “ใช้การหายใจสูดเข้าไปเต็มปอด เปล่งเสียงออกจากท้อง ช่วยให้การพูดหรือดุดีมี “น้ำหนัก” และ “จริงจัง” มากขึ้น เพื่อให้ความจริงใจของแม่ส่งไปถึงลูกได้” ชินดงยอบยังถามอีกว่า “ตอนลูกยังเล็ก ๆ ผู้ปกครองก็มักจะสนิทกัน คุณได้ไปพบปะกับผู้ปกครองคนอื่น ๆ ด้วยไหม” อียองแอจึงเล่าว่า “แน่นอนค่ะ เจอกันบ่อยมาก ดิฉันเองเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว ไม่ค่อยชอบให้คนมาเยี่ยมบ้าน แต่พอมีลูกแล้วก็เลี่ยงไม่ได้เลย” พร้อมเสริมว่า “ในฐานะนักแสดงก็เป็นนักแสดง ในฐานะผู้ปกครองก็ต้องเป็นผู้ปกครอง แยกบทบาทกันไปค่ะ” ปัจจุบัน ลูกฝาแฝดของอียองแอ อายุ 15 ปีแล้ว เธอเผยว่า “ลูกสาวเหมือนแม่ ส่วนลูกชายเหมือนพ่อ” เธอกล่าวต่อว่า “ลูกสาวกำลังสนใจเรื่องการเป็นไอดอล ก็เลยไปออดิชั่นอยู่เรื่อย ๆ ฉันก็ปล่อยให้ทำ ถ้าห้าม เดี๋ยวลูกจะพูดทีหลังว่า ‘เพราะแม่ ฉันถึงไม่ได้ทำ’” อียองแอยังบอกอีกว่า “ลูกสาวชอบวง TXT (Tomorrow X Together) และ BOYNEXTDOOR ฉันก็เลยพาไปดูคอนเสิร์ตด้วย” แต่เธอก็สารภาพความกังวลว่า “ในอีกด้านหนึ่ง ลูกสาวฉันเหมือนคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายเกินไป เวลาเห็นแม่ก็เห็นแต่สิ่งที่สวยงาม ไม่ได้เห็นว่ากว่าจะมาถึงตรงนี้ต้องเหนื่อยแค่ไหน เลยทำให้กังวลค่ะ” ที่มา Popcornfor2 รูป ‘Zzanbro’ YouTube Channel

September 9, 2025

นักแสดงหนุ่ม ฮาซอกจิน เผยโฉมบ้านสุดหรูที่เติบโตมาตั้งแต่เด็กผ่านช่องยูทูบของเขา!

นักแสดงหนุ่ม ฮาซอกจิน (Ha Suk Jin) กลายเป็นที่จับตามองหลังจากเผยให้เห็นบ้านสุดหรูที่เขาเติบโตมาในวัยเด็ก เมื่อวันที่ 5 กันยายน ตามเวลาเกาหลี ฮาซอกจิน ได้เผยแพร่วิดีโอใหม่ ซึ่งโชว์ให้เห็นช่วงเวลาขณะออกไปทำธุระแทนคุณแม่ (ที่ขณะนั้นพำนักอยู่ที่ประเทศเยอรมนี) โดยเจ้าตัวเล่าว่า “นี่คือบ้านที่ผมเติบโตมา และเป็นบ้านที่ผมอาศัยอยู่จนกระทั่งย้ายออกไปครับ ตอนนี้คุณแม่ของผมอาศัยอยู่ที่นี่ครับ” สำหรับธุระที่เขาต้องมาทำในวันนั้น ฮาซอกจิน เปิดเผยว่า “ปีที่แล้ว ตอนที่คุณแม่อยู่ต่างประเทศ ท่อน้ำแตกและน้ำท่วมบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกิดซ้ำอีก ท่านจึงบอกให้ผมแวะมาดูแลตรวจสอบบ้านเป็นระยะ ๆ ครับ” จากนั้นนักแสดงหนุ่มก็พาทีมงานตะลุยสำรวจบ้านหลังดังกล่าว ตั้งแต่ประตูทางเข้า อุโมงค์ใต้ดินที่นำไปสู่ห้องใต้ดินซึ่งชวนให้นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Parasite ไปจนถึงตู้เย็นไฮเทค ห้องรับประทานอาหารหรูหราสไตล์ยุโรป และมุมต่าง ๆ ที่สะท้อนรสนิยมของบ้าน ระหว่างที่กำลังแนะนำของตกแต่งภายในอยู่นั้น ทีมงานก็ได้ชี้ให้เห็นผลงานศิลปะของศิลปินชื่อดังชาวเกาหลี “ฮอกอน” พร้อมเอ่ยว่า “ถ้านำไปประเมินราคา คงมีมูลค่ามหาศาลแน่ ๆ ใช่ไหมครับ?” ซึ่ง ฮาซอกจิน ตอบกลับว่า “งานชิ้นนี้อยู่ในบ้านหลังนี้มาตั้งแต่ผมยังเด็กแล้วครับ” นอกจากนี้ เขายังรำลึกถึงความทรงจำในวัยเยาว์ขณะเปิดให้ชมซีดีเพลงเก่า ๆ พร้อมกล่าวว่า “ผมจำได้ว่าทุกเช้าวันอาทิตย์ตอนทานอาหารเช้า ผมจะได้ฟังเพลงของบีโธเฟน บราห์มส์ หรือคารายันเสมอครับ” สะท้อนภาพความทรงจำแห่งวัยเด็กที่เต็มไปด้วยบรรยากาศการเรียนรู้และความละเมียดละไมในศิลปะดนตรี ที่มา Popcornfor2 รูป ‘하석진 HA SEOK JIN’ YouTube Channel

September 8, 2025

อีกวางซู และ บยอนอูซอก ร่วมเป็นพนักงานในรายการเรียลลิตี้ Netflix ‘Yoo Jae-suk Camp’

อีกวางซู (Lee Kwang-soo) และ บยอนอูซอก (Byun Woo-seok) ร่วมงาน เตรียมเข้าร่วมรายการเรียลลิตี้เกสต์เฮาส์ของ ยูแจซอก (Yoo Jae-suk) รายการวาไรตี้ของ Netflix เรื่อง ‘Yoo Jae-suk Camp’ ถือเป็นครั้งแรกในเส้นทางอาชีพกว่า 34 ปี ที่พิธีกรชื่อดังอย่างยูแจซอกจะมารับบทบาทการดูแลเกสต์เฮาส์ สำหรับแฟนๆ ที่เคยชื่นชอบบรรยากาศครอบครัวสบายๆ ใน ‘Family Outing’ ทางช่อง SBS ในรายการนี้จะได้เห็นยูแจซอกต้อนรับแขกในฐานะเจ้าบ้านที่เป็นกันเองของแคมป์แสนผ่อนคลาย ซึ่งสัญญาว่าจะมอบความสนุกในแบบใหม่ บรรยากาศเฮฮา การใช้เวลาร่วมกัน และความทรงจำสุดอบอุ่น เมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา Netflix ได้ประกาศว่า อีกวางซู และ บยอนอูซอก จะเข้ามารับหน้าที่พนักงาน ช่วยยูแจซอกดูแลแคมป์แห่งนี้ อีกวางซู ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ “คู่หูคู่ฮา” ของยูแจซอก เตรียมนำเสนอเคมีคู่หูที่คุ้นเคยแต่เพิ่มความสดใหม่ให้มากขึ้น ขณะเดียวกัน บยอนอูซอกก็นำพลังงานใหม่ๆ ที่สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้กับผู้ชม โดยคาดว่าจะมีทั้งเสน่ห์และความคาดเดาไม่ได้ เมื่อทั้งสามคนที่มีบุคลิกแตกต่างกันมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน รายการนี้จึงพร้อมจะเผยให้เห็นการผสมผสานที่เต็มไปด้วยความสนุก ผู้กำกับ อีโซมิน กล่าวเสริมว่า “ด้วยการจับคู่ที่ผสมผสานระหว่างความคุ้นเคยและความแปลกใหม่ เราคาดว่าจะได้เคมีที่ผ่อนคลายและหลากหลายยิ่งขึ้น และจะยังมีพนักงานคนอื่นๆ ตามมาอีก” ที่มา Popcornfor2 รูป KINGKONG by STARSHIP, Varo Entertainment

September 5, 2025

จอนจีฮยอน - อีบยองฮยอน กำลังพิจารณารับบทซีรีส์ The Americans เวอร์ชั่นเกาหลี

จอนจีฮยอน อาจกลับมาร่วมงานกับ อีบยองฮอน ในซีรีส์สายลับเรื่องใหม่ “Koreans” (ชื่อชั่วคราว)! เมื่อวันที่ 3 กันยายน มีรายงานว่า จอนจีฮยอน ได้รับข้อเสนอให้รับบทนำในซีรีส์เรื่อง “Koreans” ต้นสังกัดของเธอ PEACHY ชี้แจงว่า “เป็นความจริงที่เธอได้รับข้อเสนอให้แสดงใน ‘Koreans’ แต่ยังไม่ได้มีการตัดสินใจยืนยันการปรากฏตัว ขณะนี้เธอกำลังพิจารณาโปรเจกต์ และจะตัดสินใจขั้นสุดท้ายหลังจากปรับตารางงานที่วางไว้ล่วงหน้าและรายละเอียดอื่น ๆ ให้ลงตัวก่อน” ปัจจุบัน อีบยองฮอน ก็กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อรับบทนำฝ่ายชาย หากทั้งคู่ตอบรับ ซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นการกลับมาร่วมงานกันในรอบ 26 ปี นับตั้งแต่การปรากฏตัวร่วมกันในฐานะพี่น้องในละคร “Happy Together” ทางช่อง SBS เมื่อปี 1999 ใน “Koreans” ทั้งสองนักแสดงได้รับข้อเสนอให้รับบทเป็นคู่สามีภรรยาสายลับ ซีรีส์นี้กำกับโดย อันกิลโฮ ผู้กำกับ “The Glory” และจะเป็นการนำซีรีส์อเมริกันยอดนิยมกลับมาทำใหม่เรื่อง “The Americans” โดยในขณะที่ต้นฉบับเล่าเรื่องในช่วงสงครามเย็นยุค 1980s เวอร์ชันเกาหลีจะตีความใหม่ให้เกิดขึ้นในยุคความปั่นป่วนของ เผด็จการทหารเกาหลี ในอีกด้านหนึ่ง จอนจีฮยอน กำลังเตรียมตัวสำหรับการออกอากาศซีรีส์ออริจินัลของ Disney+ เรื่อง Tempest ที่เธอแสดงร่วมกับ คังดงวอน ที่มา Popcornfor2 รูป STARNEWS

September 4, 2025

ซนเยจิน (Son Ye Jin) หลั่งน้ำตาที่เทศกาลภาพยนตร์เวนิส เผยว่าเกือบจะไม่รับบทนี้

ซนเยจิน (Son Ye Jin), อีบยองฮอน (Lee Byung Hun) และเหล่าดาราชื่อดังอีกหลายคนได้ปรากฏตัวบนพรมแดง สร้างความเปล่งประกายด้วยลุคที่งดงามและท่าทีอันสง่างาม อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสุข นักแสดงสาว ซนเยจิน กลับถูกจับภาพได้ว่าหลั่งน้ำตาระหว่างงาน โดยทันทีหลังจากรอบพรีเมียร์ของภาพยนตร์เรื่องใหม่ No Other Choice ที่กำกับโดย พัคชานอุค นักแสดงนำหญิงก็ถึงกับกลั้นอารมณ์ไม่อยู่และร้องไห้ออกมา ทีมนักแสดงจาก No Other Choice ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประกวดในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิสครั้งที่ 82 โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกฉายรอบปฐมทัศน์โลกครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 ที่ผ่านมา ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของมันโซ (รับบทโดย อีบยองฮอน) พนักงานออฟฟิศที่ถูกไล่ออกและต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายเพื่อปกป้องครอบครัวของเขา ในขณะที่เตรียมกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานอีกครั้ง มีรี รับบทโดย ซนเยจิน ภรรยาของมันโซ ผู้ทำหน้าที่เป็นเสาหลักที่ช่วยประคองและประสานรอยร้าวของครอบครัวที่กำลังสั่นคลอนจากการตกงานของสามี ซนเยจิน หลั่งน้ำตาหลังจบการฉายรอบแรก เธอเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “นี่อาจเป็นช่วงเวลาครั้งหนึ่งในชีวิตที่อาจไม่หวนกลับมาอีก ฉันอาจจะกลับมาเวนิสอีกครั้งในวันหนึ่ง แต่ความรู้สึกที่ได้มาอยู่ตรงนี้กับนักแสดงชุดนี้ มันเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย” เธออธิบายถึงสาเหตุที่ร้องไห้ว่า “หัวใจของฉันถูกความรู้สึกท่วมท้นจนไม่อาจกลั้นได้” เธอกล่าวต่อว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศ ฉันเคยจินตนาการถึงความรู้สึกที่ได้เดินบนพรมแดงและได้รับการปรบมือยืนในโรงภาพยนตร์ และการที่ได้อยู่ตรงนั้นกับผู้กำกับและเพื่อนนักแสดงที่ฉันรัก มันช่างเต็มไปด้วยความฝันและความซาบซึ้ง” ซนเยจิน ยังกล่าวว่าเธอรู้สึกประทับใจกับแฟน ๆ จากทั่วโลกที่มาเชียร์กันบนพรมแดงรอบพรีเมียร์ โดยเธอกล่าวว่า “ฉันรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งมากที่พวกเขารักวัฒนธรรมและเรื่องราวของเรา แม้ว่าจะมีความแตกต่างทางภาษา” สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ ซนเยจิน ยอมรับว่าในตอนแรกเธอลังเลที่จะรับบทนี้หลังจากได้รับบทภาพยนตร์ “ฉันมักจะเลือกบทบาทที่คิดว่ามีเพียงฉันเท่านั้นที่ทำได้ แต่สำหรับบทมีรี ฉันคิดว่าคนอื่นก็สามารถเล่นได้เหมือนกัน แต่เพราะเรื่องราวมันทั้งเศร้า โหดร้าย เจ็บปวด เค็มปนขม และแปลกแต่ก็ขำได้ องค์ประกอบเหล่านี้เข้ากันได้ดีมาก ฉันคิดว่าถ้าได้เล่าเรื่องราวความกลมกล่อมแบบนี้แม้จะเพียงนิดหน่อยก็ถือว่าเป็นเกียรติแล้วค่ะ” ซนเยจิน ยังได้แสดงความเคารพต่อผู้กำกับพัคชานอุค โดยเรียกเขาว่าเป็น “ศิลปิน” เธอกล่าวต่อว่า “ฉันคิดว่าผู้กำกับพัคมีความสามารถที่ดีมากในการจับรายละเอียดของการแสดงที่อาจจะดูไม่เป็นธรรมชาติ และใส่ใจในทุกรายละเอียด” พร้อมเสริมว่า “ปกติแล้วแม้บางสิ่งจะผ่านตาไปโดยไม่ถูกสังเกต แต่เขาก็จับได้ทั้งหมดและแก้ไขให้ ฉันคิดว่าเขามีสายตาที่เป็นธรรมชาติจริงๆ” ที่มา Popcornfor2 รูป spotvnews

September 3, 2025

MORE NEWS